วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

สวาทรักในคืนหลอกลวง ตอนที่6

 ตอนที่.6



“ปล่อยผมไปได้มั้ย ผมจะทำเหมือนว่าผมกับคุณเราไม่เคยรู้จักกัน”


ผมไม่อาจที่จะปฏิเสธคำขอของอีกฝ่ายได้ แววตาและสีหน้าเรียบเฉยของเขา ทำให้ผมได้แต่นึกโทษตัวเอง ถ้าผมสามารถควบคุมอารมณ์ด้านมืดในตัวผมได้ เหตุการณ์ในวันนี้คงไม่เกิดขึ้น และผมตัดสินใจดีแล้วที่จะปล่อยเขาไป ดีกว่าต้องมานั่งเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้ บางทีการที่ต่างคนต่างอยู่มันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย


“ตกลง” ผมตอบสั้นๆ แต่หัวใจของผมกลับปวดร้าว เมื่อรู้ว่าจะสูญเสียคนๆ นี้ไปตลอดชีวิต ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ และอีกนานแค่ไหน ถึงจะได้พบกันอีก แต่ถึงตอนนั้นผมคงไม่มีสิทธิ์ที่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ผมได้แต่ร้องไห้ออกมาในใจ




ผ่านไปหลายวันแล้วที่ผมยังจมอยู่กับความเศร้า สภาพของผมในตอนนี้ไม่ต่างกับคนอกหัก ผมดื่มหนักมากและนอนซึมจนทำคนที่บ้านเริ่มเป็นห่วง และผมไม่ได้ไปทำงานเลยหลังจากนั้น อาการเครียดจากเดิมที่เป็นอยู่ก็ทวีคูณขึ้น จนทำให้ผมปวดหัวหนัก ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากดื่มเหล้าเพื่อลืมความเครียดนั้นซะ


แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าในตอนนั้นอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร กำลังทำอะไรอยู่ ร้องไห้ หัวเราะ หรือเสียใจมีความสุขขึ้นบ้างแล้วหรือเปล่า ผมยังจำตอนนั้นได้ดี ก่อนที่วาดจะจากผมไป ผมได้ยื่นเงินสดก้อนหนึ่งให้กับเขา แต่วาดกลับปฏิเสธ อีกทั้งยังรีบร้อนจะไปจากผมให้ได้ แม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากมอง เราจากกันโดยไม่มีคำลา


ในขณะที่อีกคนหนึ่งยังคงจมปรักกับความเศร้าเสียใจ แต่อีกคนหนึ่งกลับกำลังพบเจอมรสุมชีวิตอย่างหนัก..........


ผมเดินออกมาทั้งๆ ที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ เจ็บตัวและยังเจ็บใจที่คนที่ผมคิดว่าเป็นคนดีแต่กลับมาทำร้ายผมซะงั้น ถึงผมจะขายตัว แต่ผมก็มีศักดิ์ศรี ผมจะไม่ยอมรับเงินจากเขาอีกเด็ดขาด หลังจากที่ผมเดินโซเซมาได้ไม่นานก็ถึงป้ายรถเมล์สักที สายตาผู้คนที่จ้องมองผมทำให้ผมรู้สึกอายหนัก เพราะมีแต่รอยจ้ำแดงๆ เต็มคอ แต่ผมคงไปห้ามความคิดของใครไม่ได้


ผมกลับมาบ้านที่เหมือนจะไม่ใช่บ้านเพราะมันทั้งเก่าและโทรม ค่าเช่าบ้านที่แสนน้อยนิดแต่ผมกลับไม่มีปัญญาจ่าย และทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ผมก็พบกับพี่ชายที่กำลังนั่งตาแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา ผมไม่อยากจะสนใจ แล้วก็ไม่อยากจะพูดอะไรด้วยทั้งนั้น เพราะคนที่ทำให้ผมไปเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ก็เพราะพี่


“แกจะไปไหน” ยังไม่ทันที่ผมจะเดินพ้น เสียงพูดห้วนๆ ของพี่ชายผมก็ทำให้ผมหยุดชะงัก ผมมองหน้าก่อนที่จะรีบเดินขึ้นบ้านไป


“เงินกูอยู่ไหน!!!” พี่ชายของผมตะโกนลั่นบ้าน ผมรีบปิดห้องหนีทันที ก่อนจะตามมาด้วยเสียง ปัง ปัง ปัง


“ผมไม่มีเงินหรอก” ผมตะโกนกลับไปนั่นยิ่งทำให้พี่ชายของผมไม่พอใจหนัก


“ขายตัวแต่ไม่มีเงิน มึงไปให้เขาเอาฟรีรึไงห๊ะ ถุ้ย! ปัญญาอ่อน มึงเตรียมตัวเอาไว้ให้ดีเลยนะ กูจะเอามึงไปขายที่ซ่องชายแดน กูเสียพนันไปจนเขาจะมาตามเก็บกูอยู่แล้ว มึงยังจะมาบอกว่าไม่มีเงิน ดีแล้วมึงจะได้รู้ว่านรกมันเป็นยังไง 5555”


เสียงหัวเราะสะใจทำให้ผมตัวสั่น นี่ผมเพิ่งจะเจอเรื่องร้ายๆ มา แล้วยังต้องกลับมามีปัญหากับคนที่บ้านอีก ทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกกับผมด้วย แล้วเรื่องจริงหรือเปล่าที่พี่จะเอาผมไปขาย ผมก็คนนะไม่ใช่สิ่งของที่อยู่ดีๆ ก็เอาไปขายเพื่อแลกเงิน


น้ำตาของผมที่ไม่เคยแห้งไป ตอกย้ำความเจ็บปวดในชีวิต ผมมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ทำไมถึงคนถึงต้องคอยมารังแกผม ทั้งที่ผมไม่มีทางสู้ ชีวิตที่น่ารังเกียจแบบนี้ จะอยู่ไปเพื่ออะไร ผมได้แค่คิด ผมจะจากไปแบบนี้ไม่ได้เพราะผมมีแม่ที่ยังต้องดูแล




เช้าวันต่อมา


ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอน สภาพห้องที่ถูกรื้อค้นตั้งแต่เมื่อครั้งก่อน ผมมองหาโทรศัพท์ของผม แต่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเอาไว้ที่บ้านของผู้ชายใจร้ายคนนั้น ผมได้แต่นึกเสียดายแต่ก็คงไม่มีวันกลับไปเหยียบที่บ้านหลังนั้นอีก


ครืน~ เสียงรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านผม รถของใครกัน แล้วมาหาใครแต่เช้า ผมมองลอดหน้าต่างออกไป ก่อนที่จะเห็นผู้ชายร่างใหญ่ประมาณสามคนเดินมาคุยอะไรบางอย่างกับพี่พล ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น


ก๊อก ๆ ๆ ๆ


“วาดเปิดประตูให้พี่หน่อย” เสียงพี่พลที่ยืนอยู่ข้างนอกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แปลกกว่าทุกวัน


แอ๊ดด....


ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเปิดประตูให้เขาทำไม ทั้งที่เมื่อวานเราทะเลาะกันแทบตาย คงเพราะน้ำเสียงที่ดูใจเย็นลงแล้ว คงจะคุยอะไรง่ายขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ผมคิด ผู้ชายสองคนปรี่เข้ามาล็อคตัวผมไว้ ก่อนที่ผมจะเห็นผู้ชายอีกคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าของสองคนนี้ยื่นเงินก้อนโตให้พี่ชายผม พร้อมกับหันมาแสยะยิ้ม


“หน้าตาดีหนิแต่ดูเหมือนว่าจะมอมแมมไปนิดนึง พอจับอาบน้ำแต่งตัวแล้วคงจะรับแขก VIP ได้อยู่” หัวหน้ามันพูดขึ้น แล้วจับคางผมหันไปมา ผมได้แต่มองตาขวาง


“ปล่อยนะ” ผมพยายามสะบัดแขนให้หลุด แต่มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะผมสู้แรงของพวกมันไปไหว


“โชคดีนะน้อง 5555” ผมโดนลากขึ้นรถตู้ไป ก่อนที่พวกมันจะมัดมืดมัดปากผม ผมได้แต่ร้องอู้อี้อยู่ในลำคอ ภาวนาว่าให้ใครก็ได้มาช่วยผมที ผมกลัวเหลือเกินรถตู้ยังคงเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วและตัวผมเหนื่อยจนเผลอหลับ ก่อนที่หนึ่งในพวกมันจะปลุกผมให้รู้สึกตัวและพาลงจากรถไป


ห้องที่แออัดไปด้วยคนนับร้อย ผมถูกพวกมันพาไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่มันจะให้ผมดื่มน้ำอะไรบางอย่าง และจู่ๆ ตัวผมก็รู้สึกร้อนขึ้นมาทันที ผมรู้สึกมึนหัวอย่างมาก โลกของผมในตอนนี้มันเบลอไปหมด นี่วาด นายต้องเข้มแข็งเข้าไว้นะ ผมบอกกับตัวเองก่อนที่จะไม่ได้สติ


ผมถูกพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองขายให้กับบ่อนคาสิโนแถวชายแดนกัมพูชา ทั้งที่ผมหาเงินมาได้มันก็เอาไปผลาญจนหมด แล้วยังมีหน้ามาขายผมกินอีก มันยังมีความเป็นคนเหลืออยู่บ้างมั้ย??


ผมตื่นขึ้นมาในห้องสี่เหลี่ยมของหนึ่งที่มีเตียง แล้วก็ห้องน้ำเหมือนกับโรงแรมม่านรูด ก่อนที่จะมีผู้ชายวัยกลางคนเดินตรงเข้ามาหาผม


“ถอดเสื้อผ้าออกสิจ๊ะ” คำพูดพวกนั้นทำให้ผมรู้สึกขยะแขยง ผมไม่รอช้ารีบคิดหาทางหนีทันที


“อยากจะเล่นไล่จับก็ไม่บอก” มันเดินเข้ามาหาผมอีกครั้ง แต่ผมก็จนมุมหนีไปไหนไม่รอดแล้ว ผมร้องโวยวายลั่น แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ทำยังไงดี ผมกลัว


มันผลักผมลงบนเตียงก่อนที่จะเอาปากมาไซร้คอ ผมกำลังใช้ความคิดรวบรวมสติเพราะถ้าหากผมขัดขืน ผมคงหนีไม่รอดแน่ ปากของมันประกบจูบกับผม และจังหวะนี้แหละ ผมกัดเข้าลิ้นของมันอย่างแรง จนมันต้องยอมผละออกไป พร้อมกับร้องโอดคราญด้วยความเจ็บ


“อีนี่ มึงกัดลิ้นกูทำไม” เสียงโวยวายของแขกทำให้พวกคนคุมข้างนอกรีบวิ่งเข้ามาในห้องทันที มันตบเข้าที่ใบหน้าผมอย่างแรง จนผมล้มลงไปกองกับพื้น


“เอาตัวมันไปขังไว้ ต้องสั่งสอนสักหน่อยถึงจะจำ” ผมโดนลากออกจากห้องนั้น และเดินผ่านไปตามทางที่เป็นเหมือนห้องแถวยาว เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระยะ คงมีคนไม่น้อยที่กำลังเจอเหตุการณ์เดียวกับผม


ผมเดินผ่านห้องโถงใหญ่ที่มีโต๊ะพนันเกลื่อนไปหมด และผู้คนมากมายที่เดินทางมาเสี่ยงโชค และผมก็เดินชนผู้ชายคนหนึ่งที่รู้สึกคุ้นๆ หน้ายังไงก็ไม่รู้


“เดินดีๆ หน่อยสิวะ ไอ้นี่ขอโทษแขกเดี๋ยวนี้” ผมโดนผลักจนเซไปนิดนึง


“ขอโทษครับ” ผมก้มหัวขอโทษคนที่ผมเพิ่งเดินชน




ถัดมาอีกมุมหนึ่ง


~ I need youI love youI want you~ (เสียงริงโทน)


เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ตอนนี้ผมไม่อยากจะคุยกับใครทั้งนั้น แต่มันดังถี่เกินไปจนทำให้ผมเริ่มรำคาญ ไอ้ตูนมันจะโทรมาทำอะไรตอนนี้วะ นี่ก็เกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้วเชียว


“รับสายกูแค่นี้ มันจะตายมั้ย??” ประโยคคำถามที่ผมเกือบจะตัดสายทิ้ง ผมไม่อยากรับสายมันก็เพราะแบบนี้แหละ


“มีอะไรก็รีบพูด กูจะนอน” ผมตอบกลับไปเสียงเรียบ


“กูอยู่บ่อนที่ชายแดนตอนนี้”


“แล้ว?”


“มึงต้องไม่เชื่อกูแน่ๆ ว่ากูเจอใคร” อยู่ๆ ผมก็รู้สึกกระวนกระวายยังไงก็ไม่รู้ หรือผมจะคิดไปเอง


“แล้วมึงเจอใคร”


“ก็เด็กมึงไง แต่ท่าทางไม่ค่อยดีเลยว่ะ กูเห็นเดินไปกับพวกคุมบ่อนเมื่อกี้เนี่ย กูเลยโทรมาบอกมึง”


ทำไมวาดถึงไปอยู่ที่แบบนั้นได้ ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับวาดแน่ๆ ผมไม่น่าปล่อยเขาไปเลย นี่ผมคิดผิดหรือเปล่า...........


“เออๆ เดี๋ยวกูรีบไป มึงรอกูอยู่ที่นั่นแหละ” ผมรีบวิ่งลงไปคว้ากุญแจรถ ก่อนที่จะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมอยู่กรุงเทพ คงต้องรีบไปให้ถึงจังหวัดสระแก้วโดยที่ใช้เวลาไม่นาน


รอฉันก่อนนะวาด ฉันรู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับนาย ...การที่ผมไปบ่อนที่ชายแดนนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมากเพราะผมเพิ่งจะไปมีเรื่องกับเจ้าของบ่อนเมื่อไม่นานมานี้ ถึงขนาดว่าขึ้นบัญชีดำผม แต่ยังไงซะ วาดก็สำคัญที่สุดสำหรับผม ผมโทรเรียกลูกน้องอีกสองคนไปสมทบ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นจะได้รับมือทัน


ผมขับรถมาเกือบสามชั่วโมงเต็ม และผมก็ถึงที่หมาย ทันทีที่ถึงผมรีบตรงไปที่ห้องทำงานบอสใหญ่ของบ่อนทันที แม้ว่าจะถูกลูกน้องของมันขวางเอาไว้


“เอะอ่ะ อะไรกัน” เสียงทุ้มใหญ่พูดก่อนที่ลูกน้องของมันจะถอยกลับไปที่เดิม


“ฉันขอคนของฉันคืน” ผมยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปวาดให้กับมันดู ก่อนที่มันจะหัวเราะออกมา


“หึ หึ หึ มาหาฉันถึงที่นี่เพราะไอ้เด็กนี่อ่านะ”


“อย่ามาตลก เท่าไหร่ก็ว่ามา” มันยิ้มแบบมีเล่ห์นัย มันคิดจะทำอะไรของมัน


“เงินมันไม่สำคัญกับฉันว่ะ แต่แขกบัญชีดำอย่างแกมันต้องเล่นเกมกับฉันหน่อยมันถึงจะสนุก”




ในห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูพร้อมกับอุปกรณ์เล่นการพนันแบบครบชุด ผมนั่งรออย่างใจร้อน ไอ้บ้านี่มันจะเล่นตลกอะไรกับผมกันแน่ ไม่นานเพื่อนสนิทของผมก็เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเงินสดใบใหญ่


“กูเตรียมมาห้าล้าน พอป่าววะ” มันกระซิบถามผม


“แม่ง พวกมันคิดจะเล่นตลกกับกู มันไม่ได้ต้องการเงิน”


“แล้วมันต้องการอะไร” ยังไม่ทันที่ไอ้ตูนจะถามจบ บอสใหญ่ก็เดินหน้าเข้มเข้ามาพร้อมกับปืนสั้นกระบอกหนึ่ง


“เดิมพันครั้งนี้ ต้องแลกด้วยชีวิต ถ้ามึงชนะมึงเอาตัวไอ้เด็กนั่นกลับไปได้ แต่ถ้าแพ้มึงก็จะไม่ได้อะไรกลับไปรวมถึงชีวิตของมึงด้วย”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น